29.4.55

ตลาดน้ำหัวหิน

       หลังจากนั้นเราก็แวะไปหาข้าวเย็นกันกันที่ตลาดน้ำหัวหิน ซึ่งตลาดนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน และตั้งอยู่ที่ซอยหัวหิน112 ซึ่งข้างหน้าตลาดก็จะมีเรือลำใหญ่และน้ำพุติดป้ายว่าตลาดน้ำหัวหิน ซึ่งตรงจุดนี้นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปกัน แล้วข้างในก็จะมีร้านอาหาร, เสื้อผ้า, ของแต่งบ้าน, ของที่ระลึกต่างๆ ให้ได้เลือกซื้อกัน เมื่อกิน ช้อปกันจนจุใจก็ได้เวลากลับที่พักนอนยาวให้หายเหนื่อยกัน^_^

      



 พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้เวลาแพ็คกระเป๋า เช็กเอาท์กลับบ้าน แต่รู้สึกว่ายังไม่อยากกลับเลยอยากอยู่ต่ออีก เพราะที่พัก สงบ , สะอาด, สบาย, สะดวก แล้วสถานที่ท่องเที่ยวก็มีความสวยงามมากๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทริปนี้ราคาถูกสบายกระเป๋าอย่างที่สุด จึงขอจัดการมาเที่ยวครั้งนี้เป็น best memory สำหรับเราเลยจริงๆ
        และขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ติดตามอ่านรีวิวของเราในครั้งนี้ แล้วสุดท้ายอยากจะฝากบอกกับเพื่อนๆ ทุกคนที่สนใจไปเที่ยวหัวหิน อยากให้ลองจัดทริปตามแบบที่เราไปดูแล้วท่านจะพบว่าความคุ้มค่าที่มาพร้อมกับความสบายกระเป๋าเป็นอย่างไร
   
     เพื่อนๆ คนไหนมีข้อสงสัยหรือ ต้องการไปพักกับทางโรงแรมนี้สามารถเข้าไปเยี่ยมชมที่เวปไซด์หรือ โทรไปสอบถามกันโดยตรงตามรายละเอียดข้างล่างนี้ได้เลยนะคะ

SALA@HUAHIN
Tel: 032 616 100
Fax: 032 616 149
Mobile Phone: 08-5480 4378
http://www.salahuahin.com/index.php

เขาตะเกียบ&น้ำตกป่าละอู

พอเช้าวันรุ่งขึ้นอิฉันก็ตื่นมาตั้งกะเจ็ดโมงเช้า ออกไปเดินสูดอากาศยามเช้าแสนบริสุทธิ์เข้าไปเติมอ๊อกซิเจนในปอด:)) นั่งริ่มทะเลฟังเสียงเกลียวคลื่นและลงเล่นน้ำทะเลที่ใสและสะอาดมาก



หลังจากนั้นก็ได้ทานข้าวเช้ากันกับเพื่อนๆ ซึ่งอาหารเช้าที่นี่มีให้เลือกหลากหลายและรสชาติอร่อยมาก พอคุยตกลงกันกับลูกทัวร์เสร็จก็สรุปกันได้ว่าที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ

เขาตะเกียบ มีวัดตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งยื่นออกไปในทะเล ตั้งอยู่ห่างตัวเมืองทางทิศใต้ 6 ก.ม.เมื่อมาถึงที่นี่ ภายในบริเวณวัดร่มรื่น เย็นสบาย มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอ่าวหัวหินที่งดงามมากจุดหนึ่ง รอบเขาตะเกียบนี้มีที่พักและร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง ยังมีภูเขาลูกเล็ก ๆ 2 ลูก อยู่ใกล้กัน ห่างจากหัวหินไปทางใต้ประมาร 14 กม. เขาตะเกียบมีโขดหินที่ยื่นออกไปในทะเล มีความสวยงามเหมาะมากกับการพักผ่อนและเราได้นั่งชมวิวกับทานข้าวกลางวันกันที่นี่ซะพุงกางเลย!! 
แล้วเรากเดินทางกันไปที่น้ำตกป่าละอูต่อ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินประมาณ 60 กม. ที่น้ำตกนี้เราสามารถเลือกได้ว่า จะนั่งช้างเข้าไปชมหรือเดินขึ้นน้ำตก แต่เจ้าหน้าที่บอกว่านักท่องเที่ยวส่วนมากก็จะเดินขึ้นไปถึงแค่ชั้นสาม ซึ่งรวมถึงดิฉันด้วย แต่ถ้าใครพอมีแรงไหวจะขึ้นไปข้างบนเค้าก็ไม่ว่ากันเพราะเค้าบอกว่าชั้นบนๆสวยมาก แต่ข้อควรระวังก็คิอ หินลื่น , โคลนมากช่วงฝนตก ยุงและริ้น เมื่อลงมาจากน้ำตกก็ต้องบอกว่าคุ้มค่ากับการเดินขึ้นไปอย่างมากเพราะเราจะได้เห็นความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม ได้ยินเสียงนกร้อง , เสียงน้ำตกไหลริน ช่างเพราะจับใจจริงๆ แม้จะรู้สึกเหนื่อยจนขาลากก็ตาม 



ตลาดโต้รุ้งหัวหิน& เพลินวาน

   หลังจากว่ายน้ำกันจนชุ่มฉ่ำปอดก็พระอาทิตย์ตกเย็นพอดี ได้เวลาออกไปตระเวณหาของกินคืนนี้กัน ซึ่งสถานที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ ตลาดหัวหิน อยู่ในหัวหินซอย72  เป็นตลาดยามค่ำคืนที่มีทั้งอาหารทะเล และของขายมากมาย เช่น ผัดไทย, หอยทอด, กระเพาะปลา, ซีฟู๊ด, เต้าทึง , ไอศกรีม, เสื้อผ้า , ของฝากต่างๆ, ฯลฯ


         หลังจากเดินช้อปกันทั่วตลาดแล้วเราก้อเดินทางไปลัลล้ากันต่อที่เพลินวาน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่าง ซอยหัวหิน38และ40  เมื่อมาถึงที่นี่อยากบอกว่าคนเยอะมว๊ากจริงๆ แต่สถานที่และบรรยากาศของเค้าสวยมากและย้อนยุคมาก เมื่อเดินเข้าไปข้างในจะรู้สึกได้เลย
เหมือนหลงกับไปอยู่อีกยุคหนึ่งจริงๆ




28.4.55

SALA@HUAHIN

เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เรากับพรรคพวกจึงตกลงกันว่าจะเข้าไปเอนกายนอนหลับกันที่ โรงแรมก่อนดีกว่าแล้วค่อยกลับออกมาลัลล้ากันใหม่ ซึ่งโรงแรมรอบนี้ที่เราเลือกก็คือ ศาลา@ หัวหิน


ซึ่งที่นี้เป็นทั้ง service apartment และ โรงแรม ที่มีบริการห้องพักกว่า 194 ห้อง ทั้งแบบรายวันและรายเดือน โดยแต่ละห้องพักมีรายละเอียดดังนี้คะ

Superior
                                                
เลือกผ่อนคลายอย่างสบายภายใต้บรรยากาศที่คุณกำหนดได้ ทั้ง Sea View มุมสระว่ายน้ำหรือทิวทัศน์ภูเขา พร้อมระเบียงส่วนตัว มีขนาด 30 - 35 ตร.ม. ทั้งเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ ครบถ้วนด้วย Facilities ทั้ง LCD 32" พร้อม Cable TV ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น และโทรศัพท์

Deluxe
 
รื่นรมณ์กับท้องทะเลของหัวหิน ด้วยบรรยากาศแบบ Sea View พร้อมจังหวะการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่รวบรวมความสะดวกสบายได้เป็นหนึ่ง ทั้งโซฟา โต๊ะอาหาร เตียงเดี่ยว พร้อม LCD TV 1 เครื่อง พร้อม Cable TV ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น โทรศัพท์ และระเบียงส่วนตัวกับห้องขนาด 48 - 52 ตร.ม.

 Junior suite


เปิดรับบรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ด้วยบรรยากาศแบบ Sea View รอบทิศ ให้มุมมองแบบ Panorama จากระเบียงกว้างรอบห้อง พร้อมเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ และความสะดวกสบายที่ครบครัน บริการด้วยห้องขนาด 55 และ 60 ตร.ม. หรือจะเลือกเป็นแบบ 2 Partition แยกโซนห้องนั่งเล่นและห้องอาหารจากห้องนอน พร้อม LCD TV 2 เครื่อง พร้อม Cable TV ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น และโทรศัพท์ บริการตั้งแต่ชั้น 2 - 7 บริการด้วยห้องขนาด 55 - 60 ตร.ม.

 Junior suite

อีกหนึ่งรูปแบบของห้อง Junior Suite หรูหราแต่ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ด้วยการออกแบบและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ชั้นหนึ่ง ทั้งชุดรับแขก โต๊ะอาหาร Pantry และเตียงนอนแยกเป็นสัดส่วน พร้อมระเบียงส่วนตัวที่เชื่อมตรงสู่สระว่ายน้ำ โล่งสบายด้วยขนาดห้อง 70 ตร.ม. และที่จอดรถส่วนตัวแบบ Drive In สามารถจอดรถและเข้าสู่ห้องพักได้โดยตรง

 Room Rate :
 
Serviced Apartment (Floor 2 - 4) Serviced Apartment (Floor 2 - 4)
Room
Price (Baht)
Superior
12,000+
Deluxe
20,000+
Junior Suite
28,000+



Published Rate (Daily)
Room
Price (Baht)
Superior
3,500
Deluxe
4,500
Junior Suite
5,500
* ราคาดังกล่าวได้รวมภาษีต่างๆ และ Service charge














Promotion Rate **
Discount
Weekday
Weekend
Room
Price (Baht)
Price (Baht)
Superior
1,700
2,200
Deluxe
2,500
3,100
Junior Suite
3,100
3,850
* ราคา Promotion ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดยาว
*
ราคานี้รวมอาหารเช้าแล้ว
เตียงเสริม 600 บาท

     ซึ่งโรงแรมนี้ตั้งอยู่ที่หัวหินซอย 3 ซึ่งสะดวกต่อการเดินทางไปที่ต่างๆ เมื่อถึงที่โรงแรมเราก็เข้าไปติดต่อที่ looby ซึ่งเจ้าหน้าที่ น่ารักมากๆ บริการแนะนำห้องให้เราอย่างดีโดยเราได้เลือกห้องพักแบบ superior เมื่อเข้าไปในห้องวางสัมภาระเสร็จก็เดินสำรวจสิ่งต่างๆภายในห้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายอย่างทั้ง LCD 32" พร้อม cable TV , ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำอุ่นและโทรศัพท์ แต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำก็จะพบว่าห้องน้ำแยกออกเป็น2 ห้อง ห้องอาบน้ำกับห้องส้วมตกแต่งผนังปูนเปลือยทาเป็นสีชมพู มี key card ให้มา2 ใบ ซึ่งเวลาเราขึ้นลิฟต์ก็ใช้ด้วย เมื่อสำรวจในห้องจนพอใจก็ได้เวลาล้มตัวลงนอน 555



ตื่นมาอีกทีก็ห้าโมงกว่าๆได้เวลาออกไปสำรวจรอบๆโรงแรม เมื่อลงมาที่ข้างล่างก็จะพบกับเก้าอี้ทรงกลมๆ ซึ่งเป็นมุมที่น่ารักเหมาะสำหรับการถ่ายรูปมั่กๆ




แล้วเมื่อเดินต่อมาก็จะพบกับมุมอ่านหนังสือ เมื่อออกมาสำรวจข้างนอกโรงแรมก็จะเจอสระว่ายน้ำตั้งอยู่กลางโรงแรม เรากับเพื่อนๆไม่รอช้ารีบกระโดดลงสระ55 เย็นชื่นใจ











เรือนริมเล

เมื่อรู้จักกับประวัติหัวหินเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาล้อหมุนออกตัวมาเดินทางมาหัวหิน โดยใช้เส้นทางถนนพระรามที่2 ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อมาถึงหัวหินปุ๊ปก็ได้เวลาเที่ียงพอดี เรากับผู้ร่วมทริปจึงจะขอแวะทานข้าวที่ร้านเรือนริมเล ตั้งอยู่ที่หัวหินซอย9  ซึ่งร้านนี้เราได้ยินมาว่า เด็ดมากทั้งรสชาติอาหารและ บรรยากาศร้าน เนื่องจากเจ้าของร้านนี้ทำฟาร์มกุ้งอยู่ในประจวบคีรีขันธ์ และร้านอาหารนี้มีทั้ง อาหารไทย จีน และซีฟู๊ด ซึ่งเมนูเด็ดที่ขอแนะนำเพื่อนๆว่าต้องลองเลยก็คือ
ปลากะพงนึ่งมะนาว, ทอดมันปลา, กุ้งแช่น้ำปลา/ กุ้งลายเสือซอสไวน์, ปูผัดผงกะหรี่ และน้ำพริกกุ้ง















เมื่อกินอิ่มกันจนพุงกางแล้วเราก็มาเดินเล่นชายทะเลริมหาด สูดอากาศบริสุทธิ์ และแอ๊บท่าถ่ายรูปกันซะหน่อย555

ประวัติหัวหิน


ณ ช่วงนี้อากาศประเทศไทยร้อนมาก เราจึงอยากจัดทริปพาเพื่อนๆไปคลายร้อนให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ซึ่งสถานที่ที่เราจะพาเพื่อนๆไปในครั้งนี้ก็คือหัวหินถิ่นมนต์ขลังนั่นเอง ซึ่งเราเชื่อว่าเพื่อนๆน่าจะเคยไปกันทั้งนั้น แต่ครั้งนี้ที่เราจะพาไปรับรองว่าแตกต่างกับทุกครั้งแน่นอนค่ะ โดยทริปนี้เราจะเดินทางกันไป3 วัน2 คืน  ซึ่งก่อนที่เราจะเริ่มล้อหมุนกัน อยากให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับประวัติหัวหินกันซักหน่อยนะคะ
อำเภอหัวหิน ในอดีตเป็นพื้นที่เขตปกครองของส่วนหนึ่งในเมืองปราณบุรี (เมืองชั้นจัตวา) ขึ้นตรงแขวงเมืองเพชรบุรี จนกระทั่งมีการจัดการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล จึงได้อยู่ในพื้นที่ของอำเภอปราณบุรี เมืองเพชรบุรี (จังหวัดเพชรบุรี) ต่อมา วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชองการเหนือเกล้าให้รวมเอาอำเภอเมืองปราณบุรี อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธุ์ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอกำเนิดนพคุณ จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นเมืองชั้นจัตวามาก่อนเข้ารวมเป็นจังหวัดปราณบุรีและภายหลังได้รับการจัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี
อำเภอหัวหิน ได้รับประกาศยกฐานะจากกิ่งอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี ตั่งแต่วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2492 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2492
ชุมชนหัวหินก่อตั้งขึ้นในราวปี พ.ศ. 2377 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เมื่อชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจากทางตอนเหนือละทิ้งถิ่นฐาน และเดินทางมาจนถึงพื้นที่ที่เป็นบริเวณใกล้กับเขาตะเกียบในปัจจุบัน แล้วได้ตั้งถิ่นฐานที่บริเวณนี้ เพราะเห็นว่าเป็นหาดทรายที่สวยงามและแปลกกว่าที่อื่น คือมีกลุ่ม หินกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป อีกทั้งที่ดินก็มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับทำการเกษตรและการประมง แล้วตั้งชื่อหมู่บ้านว่า บ้านสมอเรียง


ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนเรศวรฤทธิ์ (พระองค์เจ้าชายกฤษดาภินิหาร ต้นราชสกุลกฤดากร) ได้มาสร้างตำหนักหลังใหญ่ชื่อ แสนสำราญสุขเวศน์ที่ ด้านใต้ของหมู่หินริมทะเล (ปัจจุบันคือบริเวณที่อยู่ติดกับโรงแรมโซฟิเทลฯ) และทรงขนานนามหาดทรายบริเวณนี้เสียใหม่ว่า หัวหินจนเมื่อเวลาล่วงไป ทั้งตำบล ในบริเวณนี้ก็ถูกเรียกในชื่อเดียวกันว่า หัวหิน และเจริญเติบโตขยายขึ้นเป็นอำเภอหัวหินจนถึงปัจจุบัน